ใช้พังแล้วไปไหน ! 3 วิธีจัดการกับมือถือที่ไม่ใช้แล้ว ให้ปลอดภัย และ รักษ์โลก
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับคำว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E Waste ก่อนค่ะ
E-waste มีอีกชื่อหนึ่งว่า WEEE (Waste from Electrical and Electronic Equipments)
หมายถึง ซากเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็ก ในการทำงานที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน (Off-spec) หรือหมดอายุการใช้งาน หรือล้าสมัย
ซึ่งไม่ได้มีแค่มือถือนะคะ แต่ยังครอบคลุมไปถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องเล่นเกมส์ ก็เป็น E-waste เช่นกันค่ะ แต่ว่าวันนี้เรามาโฟกัสที่มือถือ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ข้างกายกันเป็นหลักนะคะ
ถ้าอยากจะให้มีขยะน้อยๆ ก็ต้องใช้อย่างถนอมที่สุดค่ะ
ถึงแม้ว่าจะฟังดูโลกสวยสดใสไปสักนิด แต่มันคือเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างที่สุด !
เพราะ Earthology Studio เราเน้นย้ำเสมอเรื่องการใช้ซ้ำ ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยิ่งใช้นาน ยิ่งก่อให้เกิดขยะที่น้อยลง และดีต่อโลกมากขึ้น ถ้าหากว่ายังไม่ได้เสียหรือพังจริงๆ และใช้งานต่อได้ ก็อดทนอยู่ด้วยกันไปอีกสักหน่อย จะได้ลดขยะกันมากขึ้นนะคะ
แอบเล่าให้ฟังกันตรงนี้นิดนึง
จากผลสำรวจในปี 2021 มีขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 57.4 ล้านตันจากทั่วโลก ได้ถูกทิ้งอย่างไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อ ถ้าหากใครยังนึกไม่ออกว่า 57.4 ล้านตันนี่มากขนาดไหน น้ำหนักทั้งหมดหนักกว่ากำแพงเมืองจีน ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นที่หนักที่สุดในโลกอีกค่ะ
ซึ่งในสหรัฐอเมริกาโทรศัพท์ประมาณ 151 ล้านเครื่องถูกทิ้งในหลุมฝังกลบหรือเตาเผาขยะในทุกๆปี
ซึ่งมีจำนวน 416,000 เครื่องต่อวัน โดยรวมแล้ว มีเพียง 17.4 เปอร์เซ็นต์ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกรีไซเคิลอย่างเหมาะสมทั่วโลกเพียงเท่านั้นเอง
17.4 เปอร์เซ็น ถือว่าน้อยมากๆเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมด
เท่านั้นยังไม่พอ จริงๆแล้วการฝังกลบขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ก็เหมือนเป็นการขุดหลุมฝังกลมสมบัติล้ำค่ามากมาย เพราะข้างในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นมีแร่หรือวัสดุต่างๆที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้
"ในโทรศัพท์มือถือน้ำหนักหนึ่งตันมีทองคำมากกว่าแร่ทองคำน้ำหนักหนึ่งตัน" Dr.Ruediger Kuehr ผู้อำนวยการ UN's Sustainable Cycles (SCYCLE) กล่าวในแถลงการณ์
"ภายในโทรศัพท์มือถือ 1 ล้านเครื่องมีทองคำ 24 กิโลกรัม ทองแดง 16,000 กิโลกรัม เงิน 350 กิโลกรัม และแพลเลเดียม 14 กิโลกรัม ซึ่งทรัพยากรข้างต้นนี้สามารถนำกลับมาเข้าสู่วงจรการผลิตได้อีกครั้ง แต่หากเราล้มเหลวในกระบวนการรีไซเคิล ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะต้องถูกขุดขึ้นมาใหม่และจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
ทางที่ดีก็คือ ถ้าหากต้องการทิ้งมือถืออย่างถูกต้องและปลอดภัย การส่งให้ผู้เชี่ยวชาญแยกชิ้นส่วนและนำไปรีไซเคิลอย่างถูกต้องจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ
ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ
และจะส่งไปไหนได้บ้าง
ต้องขอบอกเลยว่าในประเทศไทย มีหน่วยรับบริการจำนวนไม่น้อยเลยที่เราสามารถส่งมือถือที่พังแล้วไปรีไซเคิลได้ อย่างเช่น AIS ช็อปที่ตั้งจุดรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ไว้ทั่วประเทศ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่
แต่ก่อนทิ้ง ห้ามลืมที่จะตรวจสอบข้อมูลบางอย่าง เช่น
- ลบข้อมูลจากมือถือ โดยการทำ Factory Reset และถอด Memory Card ก่อนทิ้ง
- หากแบตเตอรี่บวม ควรนำไปแช่น้ำก่อนทิ้ง 3-5 ชม. เพื่อลดประจุไฟฟ้า
หรือทางค่ายมือถืออื่นๆอีกมากมายก็มีจุดรวบรวมเอาไว้เช่นกัน
เปลี่ยนเป็นงานศิลปะ
ปัจจุบันมีดีไซน์เนอร์และศิลปินมากมายที่มองเห็นในความสวยงามของขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ จึงได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากการรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ไว้มากมาย หรือการแยกชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือเครื่องโปรดของคุณ เพื่อเก็บเป็นความทรงจำดีๆเอาไว้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าหากว่าต้องการที่จะทิ้งชิ้นงานเหล่านี้อีกครั้ง ก็ควรจะทิ้งให้ถูกต้องและถูกที่ อย่างที่เราได้กล่าวไปด้านบนเช่นกันค่ะ
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ครั้งหน้าถ้าหากว่ามือถือข้างกายของคุณเกิดพัง เสียขึ้นมา อย่างน้อยขอให้ระลึกไว้ในใจเสมอค่ะ ว่าให้ทิ้งให้ถูกที่ เพราะขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ถ้าหากทิ้งในที่ๆไม่ควรทิ้งนอกจากจะสร้างมลพิษแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายที่คาดไม่ถึงได้อีกมากมาย ช่วยกันทิ้งให้ถูกที่ ให้มือถือทุกเครื่องได้นำไปรีไซเคิลและสร้างอะไรดีๆให้กับโลกนี้แบบเท่ๆกันเหมือนทุกครั้งนะคะ
EARTHOLOGY STUDIO
We create products for our planet
LINE Official Account: @earthologystudio
คลิกเลยได้ที่ lin.ee/70769qz
FACEBOOK : EARTHOLOGY STUDIO
INSTAGRAM : EARTHOLOGY.STUDIO
#Earthologystudio #Earthology #capdesign #FromVerticalTextileManufacturertobrand